ราคาทองวันนี้ ก็ขึ้นอยู่นะ น้ำหนักทองก็เต็มดี ทำไมขายคืนร้านไม่ได้ราคาเท่าตอนซื้อ? พฤษภาคม 18, 2018 – Posted in: บทความ – Tags: , , , , ,

ราคาทองวันนี้ ก็ขึ้นจากตอนซื้อมาเยอะแล้วนะ น้ำหนักทองก็เต็มดี ทำไมขายยังขาดทุนได้ล่ะเนี่ย ร้านทองโกงเราแน่ๆ

ราคาทองวันนี้ ขึ้นแล้ว อุตส่าห์เล็งมาตั้งนาน เก็บรักษาทองไม่ให้น้ำหนักขาดไปแม้แต่กรัมเดียว แถมดูข่าวมาซะดิบดีว่าได้กำไรเห็นๆ พอเอามาขายจริง ดันขาดทุนซะงั้น ร้านทองเล่นตุกติกกับเราแน่เลย ทำยังไงดีล่ะทีนี้? เชื่อว่าลูกค้าหลายท่านคงเคยประสบกับเหตุการณ์น่าหงุดหงิดเหตุการณ์นี้กันมาอยู่บ้างใช่ไหมคะ ก็แหม อุตส่าห์ลงทุนซื้อทองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นทรัพย์สินปลอดภัยมาชิ้นนึง ราคาก็แพง กะรอกินกำไรตอนทองขึ้น ที่ไหนได้ร้านทองกดราคาเราเสียต่ำเลย อืม มันก็จริงอยู่นะคะ แต่ว่าวันนี้ห้างทองพรทวีมีข้อมูลอีกด้านหนึ่งอยากจะมาเล่าให้ฟังกัน เผื่อว่าจะเป็นข้อมูลในการหาทางเลือกในการซื้อขายทองอย่างคุ้มค่าให้ทุกท่านนะคะ

ทำไมคนส่วนใหญ่ขายทองไม่เคยได้กำไร?

ก่อนอื่นให้ทำความเข้าใจก่อนนะคะว่าการซื้อขายทองเพื่อการลงทุน(ให้ได้กำไร) สำหรับทองรูปพรรณเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากค่ะ เหตุผลก็เพราะว่า…

1. ตอนร้านขายทองให้เราจะมี “ค่ากำเหน็จ” บวกมาด้วย

ในตอนที่ท่านซื้อทองรูปพรรณ แม้ว่าจะเลือกตอนที่ทองลง เลือกซื้อทองลายธรรมดา ในร้านทองที่ค่ากำเหน็จถูกกว่าร้านอื่นๆ ตามที่เราเคยแนะนำไปแล้วก็ตาม แต่อย่างไรเสีย ทองรูปพรรณทุกชิ้นก็ยังจะต้องมีค่ากำเหน็จหลายร้อยบาท ก็หมายถึงว่าอย่างน้อยที่สุด ท่านก็จะต้องรอให้ทองขึ้นชนะค่ากำเหน็จตอนที่ซื้อมาเสียก่อน  ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ท่านซื้อทอง 1 บาทในวันที่ราคาทองบาทละ 20,000 บาท ค่ากำเหน็จชิ้นละ 500 บาท เท่ากับว่าตอนซื้อท่านต้องเสียเงิน 20,500 บาท ฉะนั้นในกรณีนี้อย่างน้อยที่สุดท่านจะเริ่มคืนทุนก็ต่อเมื่อราคาทองขึ้นสูงกว่า 20,500 บาทนั่นเองค่ะ

แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ แค่ทองขึ้นมาเท่าราคาที่ซื้อมานั่นยังไม่พอนะคะ ยังมีปัจจัยข้อถัดไปอีกค่ะ

2. ตอนร้านรับซื้อคืน ไม่ได้รับในราคาขายออก แต่จะรับใน “ราคารับซื้อ”

ข้อนี้ให้ท่านลองสังเกตจากป้ายราคาที่หน้าร้านทองแปะไว้นะคะ ในส่วนของราคาทองคำแท่งวันนี้ จะมีเลข 2 บรรทัด บรรทัดแรกเขียนราคาขายออก นั่นคือราคาที่ใช้คำนวณราคาขายออกก่อนจะบวกค่ากำเหน็จค่ะ ส่วนอีกบรรทัดเขียนราคารับซื้อ ซึ่งก็คือราคาที่ใช้คำนวณราคารับซื้อทองเก่าค่ะ ท่านจะเห็นว่า ราคารับซื้อมีค่าน้อยกว่าราคาขายออกอยู่ 100 บาทเสมอ ก็หมายความว่าเมื่อท่านซื้อทองรูปพรรณหรือทองคำแท่ง ท่านก็จะขาดทุน 100 บาททันทีค่ะ

แค่นี้ยังไม่หมดนะคะ ตอนที่ท่านนำทองรูปพรรณไปขาย ท่านจะต้องโดนหัก”ค่าน้ำประสานทอง”หรือ”ค่าหลอม”อีกค่ะ

3. “ค่าน้ำประสานทอง” หรือ “ค่าหลอม” คืออะไร?

เวลาที่ช่างทองทำการขึ้นรูปทองรูปพรรณ เค้าจะต้องมีการใช้น้ำประสานทองในการเชื่อมทองตามข้อต่อต่างๆ ซึ่งน้ำประสานทองนี้เองจะมีเปอร์เซ็นต์ทองต่ำกว่าเนื้อทองคำปกติ เพราะเราต้องการให้จุดเชื่อมต่อต่างๆมีความแข็งแรง ซึ่งโดยธรรมชาติของทองบริสุทธิ์แล้วเป็นโลหะที่นิ่มมาก จึงต้องใช้ธาตุผสมอื่นๆที่มีสมบัติด้านความแข็งแรงเข้ามาช่วยมากขึ้น ทำให้น้ำประสานทองมีเปอร์เซ็นต์ทองต่ำลงนั่นเองค่ะ

หลังจากที่มีการรับซื้อทองเก่า ทางร้านทองจะต้องทำการเผาทองทั้งเส้นเพื่อพิสูจน์ทองว่าเป็นของแท้หรือไม่ เป็นเหตุให้น้ำหนักทองลดลงจากบริเวณที่มีน้ำประสานทอง เนื่องจากธาตุผสมที่ไม่ใช่ทองจะถูกไฟไล่ออกไปนั่นเองค่ะ ซึ่งแน่นอนค่ะว่าทองรูปพรรณลายที่ยิ่งซับซ้อนใช้น้ำประสานทองมาก น้ำหนักก็จะลดลงมากเช่นกันค่ะ โดยทองน้ำหนักยิ่งมาก ก็จะยิ่งเสียค่าน้ำประสานทองมากขึ้นไปด้วยค่ะ และโดยส่วนใหญ่แล้วค่าน้ำประสานทองนี้ก็จะขึ้นอยู่ว่าร้านทองแต่ละร้านจะคิดเท่าไหร่ค่ะ

นอกจากนี้ การใช้งานทองรูปพรรณโดยทั่วไปแล้ว ย่อมที่จะมีคราบขี้ไคล คราบสบู่ ติดมากับเนื้อทอง รวมถึงการที่เนื้อทองคำมีน้ำหนักลดลงเนื่องจากการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการขูด เสียดสี สึกหรอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองที่ร้านทองนำมาพิจารณาร่วมกับน้ำหนักทองที่ชั่งได้จากทางลูกค้า เพราะในกระบวนการหลอมทองเพื่อขึ้นรูปทองรูปพรรณใหม่ สิ่งเหล่านี้ไม่นับเป็นน้ำหนักทองที่มีมูลค่า ในทางกลับกัน กระบวนการหลอมขึ้นรูปจะทำได้ยากมากขึ้นหากมีสิ่งเจือปนเหล่านี้ในปริมาณมาก เหตุนี้เองทำให้ “ค่าหลอม” หรือ “ค่าน้ำประสานทอง” ถูกนับเป็นปัจจัยหนึ่งในการกำหนดราคารับซื้อทองรูปพรรณ

สิ่งที่ควรพิจารณาหากต้องการขายคืนทองรูปพรรณ

ทั้ง 3 ข้อที่กล่าวไปคือเหตุผลหลักที่ทำให้ท่านขายทองไม่ได้กำไรนะคะ ฉะนั้นทางที่ดี ให้ทำตามที่เราเคยแนะนำไปนะคะว่าให้ท่านเลือกซื้อทองรูปพรรณกับร้านที่มีการรับประกันว่าให้ราคารับซื้อคืนสูงหากเป็นทองของร้านนั้น เพราะร้านนั้นๆจะคิดแค่”ค่าน้ำประสานทอง”หรือ”ค่าหลอม”จริงๆ โดยไม่คิดค่าความเสี่ยงทองปลอมหรือค่าอะไรอื่นๆเพิ่มอีกค่ะ ไม่เช่นนั้นท่านก็อาจจะต้องเหนื่อยกับการเทียบราคารับซื้อของแต่ละร้านอีกเหมือนคราวที่เดินเทียบค่ากำเหน็จตอนที่จะซื้อมาค่ะ

และหากสอบถามทางร้านที่ซื้อมาแล้วว่าราคารับซื้อคืนทองของท่านตอนนี้เป็นเท่าไหร่ แล้วยังไม่คืนทุน ท่านก็จำเป็นจะต้องรออีกสักเล็กน้อยนะคะ เพื่อให้ราคาทองขึ้นชนะทั้งค่ากำเหน็จ ราคารับซื้อ และค่าน้ำประสานทองหรือค่าหลอมค่ะ

สรุป

ราคาขายออก = ราคาขายออกทองตามน้ำหนัก + ค่ากำเหน็จ

ราคารับซื้อ = ราคารับซื้อ (ราคาขายออกทองบาทละ – 100) แล้วคิดเป็นสัดส่วนตามน้ำหนักทอง – ค่าน้ำประสานทองหรือค่าหลอม

ยกตัวอย่างการคำนวณเพิ่มอีกนิดให้เห็นภาพมากขึ้นนะคะ หากท่านซื้อทอง 2 สลึง มาในวันที่ราคาทองขายออกบาทละ 19,800 บาท ค่ากำเหน็จอีก 500 บาท รวมราคาซื้อมา (19,800 / 2) + 500 = 10,400 บาท ท่านจะขายคืนให้ร้านที่มีการประกันราคารับซื้อได้ในราคา 10,400 บาทขึ้นไป ก็ต่อเมื่อราคาขายออกทองขึ้นมาเป็นบาทละ 22,000 บาทโดยประมาณค่ะ ((22,000 – 100) / 2) – 5% = 10,402.5 บาท) (คำนวณค่าน้ำประสานทองหรือค่าหลอมที่ 5% ของราคารับซื้อ)

เห็นแล้วใช่มั้ยคะว่ายากจริงๆค่ะ ที่จะได้กำไรจากการซื้อขายทองรูปพรรณ พิจารณาจากตัวอย่าง ท่านต้องรอราคาทองขึ้นมาจากเดิมบาทละ 2,200 บาททีเดียวนะคะกว่าจะคืนทุน ยิ่งถ้าทองชิ้นนั้นมีค่ากำเหน็จสูงก็ยิ่งยาก แถมบางครั้งทองลงฮวบๆอีก ถึงเวลาจำเป็นต้องใช้เงินนี่ก็คงรอไม่ไหว ต้องตัดใจขายขาดทุนแน่ๆ ค่ะ

แล้วถ้าอยากได้กำไรจากการซื้อขายทองคำ ควรทำอย่างไรล่ะ?

เราขออนุญาตแนะนำตรงนี้สั้นๆ เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นก่อนนะคะ โดยให้ท่านลองทำดังนี้ค่ะ

  1. เลือกลงทุนซื้อทองคำแท่งที่น้ำหนัก 5 บาทขึ้นไป เพราะทองคำแท่ง 5 บาทขึ้นไป จะไม่มีค่าบล็อกตอนขาย (คล้ายๆกับค่ากำเหน็จในทองรูปพรรณ) และไม่มีการหักค่าหลอมตอนซื้อ แต่จะยังคงมีส่วนต่างระหว่างราคาขายออกและราคารับซื้ออยู่บาทละ 100 บาทนะคะ ส่วนทองคำแท่งหรือทองแผ่นที่น้ำหนักน้อยกว่า 5 บาท จะมีค่าบล็อกตอนซื้ออยู่บ้าง แต่ก็จะไม่แพงเท่าทองรูปพรรณนะคะ หากท่านใดที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นลงทุน ก็อาจจะเริ่มต้นซื้อทองแท่งที่น้ำหนักน้อยๆดูก่อนก็ได้ค่ะ
  2. เลือกซื้อทองคำแท่งที่น้ำหนัก 5 บาทขึ้นไปจากยี่ห้อร้านทองที่มีชื่อเสียง เช่น แม่ทองสุก ฮั่วเซ่งเฮง จิ้นฮั่วเฮง เป็นต้น เพราะยี่ห้อเหล่านี้เป็นที่ยอมรับจากร้านทองทั่วประเทศว่าเป็นทองที่ได้มาตรฐาน และยี่ห้อดังๆเหล่านี้ยังมีการประกันราคารับซื้อคืนที่ดีอีกด้วยค่ะ ทำให้ร้านทองทั่วประเทศมั่นใจและสามารถให้ราคารับซื้อคืนแก่ท่านในอัตราที่สูงได้เช่นกันค่ะ
  3. หากท่านมีบ้านใกล้เยาวราช(หรือสาขาอิ่นๆ) และสะดวกในการเดินทางไปยังร้านดังๆตามที่กล่าวมาในข้อ 2 ก็จะเป็นการดีที่สุดเลยค่ะ หากท่านทำการซื้อและขายทองคำแท่งที่ร้านเหล่านี้โดยตรงเลยค่ะ รับรองว่าจะได้ราคาดีที่สุดแน่นอนค่ะ

อย่างไรก็ตามการลงทุนมีความเสี่ยง มีความอ่อนไหว ต้องใช้ข้อมูลมากมายหลายด้านประกอบกัน ฉะนั้นผู้เริ่มลงทุนควรศึกษาเรื่องการลงทุนให้ดีก่อนนะคะ แล้วในโอกาสต่อไป ห้างทองพรทวีก็จะมาทยอยเล่าเรื่องการลงทุนในทองคำให้ท่านอีกเรื่อยๆค่ะ รอติดตามกันนะคะ

ท่านสามารถเลือกชมสินค้า และเช็คราคาทองแบบวันต่อวัน ได้ที่อัลบั้มสินค้าของเราได้เลยค่ะ

*ลิขสิทธิ์ บทความโดย บริษัท ห้างทองพรทวี จำกัด ไม่อนุญาตให้ทำซ้ำ คัดลอก เปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขส่วนหนึ่งส่วนใดของเนื้อหา

Add line เพื่อติดต่อสอบถาม หรือสั่งซื้อสินค้า ห้างทองพรทวี