ทองน้ำหนักหาย จริงหรอ? ร้านทองบอกแบบนี้ทีไรปวดใจทุกที

ทองน้ำหนักหาย คงเป็นคำที่ร้านทองชอบอ้าง เพื่อจะกดราคารับซื้อทองเก่าของเราสินะ ไม่เชื่อหรอก ก็ไม่ค่อยได้ใส่นี่นา น้ำหนักมันจะหายไปได้อย่างไร… ลูกค้าบางท่านอาจจะเคยประสบปัญหาแบบนี้มาก่อน ทองที่ซื้อมาก็ไม่ค่อยได้ใส่ ทำไมตอนขายคืนร้านบอกน้ำหนักหาย ส่วนทางร้านทองก็ยืนยันว่าน้ำหนักทองหายไปจริงๆ จะให้รับซื้อเหมือนน้ำหนักเต็มได้อย่างไรล่ะ และในทางกลับกันลูกค้าบางท่านที่เคยซื้อทองมาใส่เป็นประจำ อาจจะทราบอยู่แล้วว่าเวลาซื้อทองรูปพรรณ เราต้องทำใจตั้งแต่แรกแล้วว่าทองของท่านเป็นโลหะมีค่าที่มีความแข็งแรงต่ำ เรื่องน้ำหนักหายดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติ ร้านทองบอกว่าทองน้ำหนักหายก็ไม่เคยสงสัยอะไรเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนซื้อซื้อมาน้ำหนักเต็มดีอยู่หรือไม่ ดังนั้นวันนี้ห้างทองพรทวีจะขอเล่าเรื่องนี้ทั้งในมุมของผู้บริโภคและมุมของร้านทองให้ฟังกันนะคะ แล้วก็มีข้อแนะนำเล็กๆน้อยๆให้ลูกค้าเพื่อป้องกันไม่ให้เจอปัญหาดังกล่าวมานำเสนอด้วยค่ะ

น้ำหนักทองตามมาตรฐานไทยตามประกาศสมาคมค้าทองคำฯ

ทองคำ ในประเทศไทย มีหลายเกรด หลายเปอร์เซ็นต์ หลายน้ำหนัก หลายขนาด โดยสำหรับทองรูปพรรณแล้วมาตรฐานเปอร์เซ็นต์ทองจะอยู่ที่ 96.5% จึงจะเรียกว่าเป็น ทองแท้ ตามภาษาที่เราๆเรียกกัน โดยทอง 96.5% นี้ จะมีน้ำหนักไล่ไปตั้งแต่ 0.6 กรัม, 1 กรัม, ครึ่งสลึง, 1 สลึง, 2 สลึง, 3 สลึง, 1 บาท, 6 สลึง, 2 บาท, 3 บาท,…เป็นต้นไป โดยน้ำหนักของทองรูปพรรณขนาดดังกล่าวตามมาตรฐานของสมาคมค้าทองคำจะเป็นไปตามนี้ คือ

ทอง 0.6 กรัม = 0.6 กรัม,

ทอง 1 กรัม = 1.0 กรัม,

ทองครึ่งสลึง = 1.9 กรัม,

ทอง 1 สลึง = 3.79 – 3.8 กรัม,

ทอง 2 สลึง = 7.58 – 7.6 กรัม,

ทอง 3 สลึง = 11.37 – 11.4 กรัม,

ทอง 1 บาท = 15.16 – 15.2 กรัม,

ทอง 6 สลึง = 22.74 – 22.8 กรัม,

ทอง 2 บาท = 30.32 – 30.4 กรัม, …

แล้วทำไมน้ำหนักทองถึงเป็นช่วงแบบนี้ แล้วค่าต่ำหรือค่าสูงล่ะถึงเป็นค่าที่ดีล่ะ

ก่อนอื่นต้องขออธิบายว่า ในสมัยก่อนเครื่องชั่งจะมีค่าความแม่นยำที่ทศนิยมตำแหน่งเดียว น้ำหนักทองจึงยึดกันที่บาทละ 15.2 กรัมมาตลอด แต่ในช่วงหลังสมาคมค้าทองคำได้เข้ามาจัดการมาตรฐานการชั่งทองใหม่ให้เป็น ทศนิยม 2 ตำแหน่ง มาตรฐานทอง 1 บาท จึงกลายเป็น 15.16 กรัมแทน แล้วร้านทองทุกร้านจะต้องใช้เครื่องชั่งที่อ่านค่าทศนิยมได้ 2 ตำแหน่งและต้องมีการสอบเทียบตามข้อกำหนดของสมาคมค้าทองคำอย่างสม่ำเสมออีกด้วย หากแต่เมื่อมองถึงความสะดวก การใช้ทศนิยมตำแหน่งเดียวนั้นยังถือเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าทศนิยม 2 ตำแหน่งอยู่ ดังนั้นในการผลิตขึ้นรูปทองรูปพรรณก็มักจะใช้ค่าสูง คือบาทละ 15.2 กรัม เป็นหลักอยู่จนถึงปัจจุบันค่ะ แต่อย่างไรก็ตามน้ำหนักทองที่แสดงเป็นช่วงนั้น ท่านสามารถอ้างอิงได้ทั้งค่าต่ำและค่าสูง เพราะเป็นค่าตามมาตรฐานเช่นเดียวกัน และเวลาท่านซื้อหรือขายทองหากพบว่าทองของท่านมีน้ำหนักอยู่ในค่ามาตรฐาน ก็สบายใจได้ระดับหนึ่งเลยค่ะ

ทองน้ำหนักหาย แต่เราไม่เคยรู้ว่าตอนซื้อมาน้ำหนักเท่าไหร่ พอจะขาย ร้านบอกแค่น้ำหนักหาย หายอย่างไร หายเท่าไหร่ ก็ไม่รู้

วิธีการแก้ปัญหาข้อนี้ ทางเราขอแนะนำสิ่งที่ที่ต้องทราบ มี 2 ทราบ ดังนี้ค่ะ

1. ทราบน้ำหนักตอนซื้อ

ตามที่เราเคยแนะนำให้ทุกท่านไปแล้วว่าในตอนที่ท่านซื้อทองจากร้านใดมาก็ตาม ขอให้ท่านเลือกร้านที่มีการออกใบรับประกันที่แจ้งน้ำหนักและเปอร์เซ็นต์ทองอย่างครบถ้วนมาด้วย เพื่อเก็บเป็นหลักฐานและข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อตัวท่านเอง

ทั้งนี้อาจจะดูเป็นการเรื่องมากไปเสียหน่อย แต่ก็เพื่อรักษาประโยชน์ของตัวท่านเอง ท่านอาจขอให้ทางร้านชั่งน้ำหนักทองให้ท่านดูต่อหน้าไปเลย ท่านจะได้สบายใจ เพราะบางร้านก็ไม่ได้หันตาชั่งให้ลูกค้าได้รับทราบน้ำหนักทองด้วย อาจจะเพราะความไม่สะดวกหรืออะไรก็ตาม แต่ทุกที่เต็มใจที่จะทำตามที่ท่านร้องขอแน่นอนค่ะ

2. ทราบน้ำหนักตอนขาย

ทีนี้มาถึงตอนขาย ก็ให้ท่านแสดงใบรับประกันแก่ทางร้านก่อน เพื่อแสดงตัวว่าซื้อทองจากร้านนี้ จากนั้นเมื่อร้านชั่งน้ำหนักแล้วทองของท่านยังมีน้ำหนักเต็มอยู่ ก็จะได้ไม่ต้องเสียเวลาต่อรองอะไรกันอีก ร้านก็จะให้ราคารับซื้อที่สูงที่สุดแก่ท่าน แต่หากน้ำหนักไม่เต็ม ท่านก็ขอพนักงานดูน้ำหนักปัจจุบันได้เลยค่ะ โดยกรณีนี้ทางร้านก็คงจะต้องให้ราคารับซื้อตามน้ำหนักทองจริงในปัจจุบันแก่ลูกค้านะคะ ไม่ได้ให้ตามใบรับประกัน เนื่องจากหากน้ำหนักหายจากที่แสดงในใบรับประกัน นั่นก็เห็นได้ชัดแล้วว่าสาเหตุมาจากการใช้งานของท่านนั่นเองค่ะ ซึ่งการคำนวณและคิดราคากรณีทองน้ำหนักไม่เต็มแบบนี้ก็สามารถเทียบราคาและน้ำหนักตามบัญญัติไตรยางค์ได้เลยค่ะ แต่ถ้าหากท่านรู้สึกว่ามันยุ่งยากเกินไป ก็ให้ทางร้านคิดและเสนอราคามาเลยก็ได้ค่ะ หากเป็นราคาที่ท่านรับได้ ก็ตกลงซื้อขายกันได้ตามความพอใจของทั้ง 2 ฝ่ายเลยค่ะ

แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ ไม่ให้ทองน้ำหนักหาย

ทองเป็นโลหะมีค่าที่มีความแข็งแรงต่ำ ความแข็งต่ำ จึงเป็นธรรมดาที่จะเสียหายได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายน้อยๆ เช่น บุบ เสียดสี สึกหรอ ไปจนถึงความเสียหายมากๆ เช่น หัก ขาด โดยทุกความเสียหายย่อมกระทบต่อน้ำหนักของทองของท่านไม่มากก็น้อย เช่นการสวมแหวนทำงานบ้าน ก็ทำให้เกิดการเสียดสีจนน้ำหนักหายได้ หรือหากสร้อยขาด อาจมีข้อใดข้อหนึ่งของทองหลุดหายไปโดยที่ท่านไม่รู้ตัว เป็นต้น ทางที่ดีท่านควรระมัดระวังในการสวมใส่และดูแลรักษาทองให้ดีขึ้นอีกหน่อย ก็น่าจะช่วยให้ทองของท่านคงน้ำหนักได้ดีกว่าเดิมนะคะ แต่อย่างไรก็ตามหากท่านสวมใส่ทองตลอดเวลา ในการทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ทำงาน อาบน้ำ หรือเล่นกีฬา เป็นระยะเวลาหลายเดือนหรือหลายปี ก็ต้องทำใจนะคะว่าทองของท่านมีสิทธิ์ที่น้ำหนักจะไม่เต็มได้ค่ะ

ท่านผู้อ่านเห็นแล้วใช่ไหมคะว่าน้ำหนักทองเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการขายคืนทองรูปพรรณเก่าให้แก่ร้านทอง ฉะนั้นขอให้ใช้หลักการง่ายๆที่เรานำเสนอไปวันนี้ในการรักษาประโยชน์ของตัวท่านเองนะคะ เพื่อให้ขายทองได้ราคาดี และจะได้ไม่คาใจว่าร้านทองจะโกงเราทำให้เกิดความไม่สบายใจกันทั้ง 2 ฝ่ายค่ะ

 

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

ทองและการดูแลรักษา ทอง ทองรูปพรรณ ให้ดูใหม่ไม่เก่า

ราคาทอง ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ร้านทองใช้กำหนดราคารับซื้อทองเก่า

ท่านสามารถเลือกชมสินค้า และเช็คราคาทองแบบวันต่อวัน ได้ที่อัลบั้มสินค้าของเราได้เลยค่ะ

*ลิขสิทธิ์ บทความโดย บริษัท ห้างทองพรทวี จำกัด ไม่อนุญาตให้ทำซ้ำ คัดลอก เปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขส่วนหนึ่งส่วนใดของเนื้อหา