ทอง รูปพรรณ ! อยากจะซื้อทองมาใส่สักชิ้น แต่จะเริ่มต้นอย่างไรดีนะ

ทอง รูปพรรณ เมื่อนึกถึง ทอง รูปพรรณ เชื่อว่าหลายๆท่าน คงเคยมีคำถามนี้ผ่านเข้ามาในความคิดกันอยู่บ้าง เช่น ทำงานมาทั้งปี อยากจะมีรางวัลให้ชีวิตกับเขาบ้าง / เห็นคนอื่นใส่ทองแล้วสวย ก็อยากจะมีกับเขาบ้าง / วันพ่อ-วันแม่ปีนี้อยากจะซื้อทองให้ท่านสักชิ้น ซื้ออะไรให้ดีนะ? หรือ ใกล้จะถึงวันวาเลนไทน์ แฟนเบื่อดอกไม้แล้ว นางบ่นอยากได้ทอง เอาแล้วสิ งานเข้า 🙂 ไม่ต้องกังวลไปค่ะ วันนี้ห้างทองพรทวี มีคำแนะนำในการเริ่มต้นเลือกซื้อทองสักชิ้น ไม่ว่าจะซื้อให้ตัวเองหรือคนที่คุณรักก็ตาม ก็สามารถนำขั้นตอนเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ได้เลยค่ะ

ขั้นตอนพิจารณาซื้อทองรูปพรรณให้ตนเองหรือคนที่คุณรัก

1. เช็คความต้องการหรือความเหมาะสมในการใช้งานทองรูปพรรณประเภทต่างๆ

อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีว่าทองรูปพรรณมีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น แหวน สร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไล ต่างหู และ จี้ ฉะนั้นก่อนที่จะพิจารณาอย่างอื่น ท่านควรคิดก่อนว่าจะซื้อทองประเภทไหนดี ข้อนี้ไม่ยากเลยค่ะ ให้ท่านพิจารณาจากความต้องการของตัวเองหรือคนที่ท่านรักได้เลย ตัวท่านเองหรือคนที่คุณรัก อาจมีสิ่งที่อยากได้ในใจอยู่แล้ว แบบนี้ก็ข้ามไปข้อถัดไปได้เลยค่ะ แต่ถ้าท่านยังไม่มีคำตอบในใจว่าจะซื้ออะไรดี สิ่งที่เราอยากแนะนำให้พิจารณาคือความเหมาะสมในการใช้งานค่ะ หมายถึงว่าให้ท่านอาจพิจารณาจาก ลักษณะการใช้ชีวิต (ไลฟ์สไตล์) ของผู้สวมใส่ว่าเป็นอย่างไร เช่น ผู้สวมใส่มีอาชีพเป็นช่าง ทำงานที่ต้องหยิบจับอะไรหนักๆ แบบนี้อาจจะไม่เหมาะกับการสวมใส่แหวนขณะทำงาน หรือ ผู้สวมใส่ต้องเลี้ยงลูกอ่อนที่อยู่ในวัยที่ชอบหยิบคว้าอะไรเล่น แบบนี้ก็แนะนำว่าอาจจะยังไม่เหมาะที่จะสวมใส่สร้อยคอ หรือสร้อยข้อมือนะคะ มิฉะนั้นแหวนบุบ สร้อยขาด อาจจะทำให้ท่านต้องเสียเงินเปลี่ยนชิ้นใหม่แบบที่ไม่ควรจะเสียเลยค่ะ

2. เช็คเงินในกระเป๋าสตางค์ของตัวเอง

เมื่อท่านเลือกได้แล้วว่าอยากจะซื้ออะไรดี ถัดมาก็ต้องคิดว่าท่านสามารถซื้อทองในราคาเท่าไหร่ ที่กระเป๋าสตางค์ของท่านจะไม่ฉีก หรืออาจต้องเอาทองชิ้นนั้นมาขายฝาก(จำนำ)หรือขายในภายหลัง เพราะหากเป็นเช่นนั้นก็คงไม่ดีกับตัวท่านเองทั้งในระยะสั้นหรืออาจส่งผลในระยะยาวได้ค่ะ

ราคาทองรูปพรรณจะเปลี่ยนแปลงตามราคาทองคำแท่งในแต่ละวัน โดยท่านสามารถเช็คราคาทองคำวันนี้ได้จากเว็บไซต์ของสมาคมค้าทองคำก็ได้ หรืออาจจะเช็คราคาจากเว็บไซต์ของร้านทองที่ท่านสนใจที่อาจมีการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าโดยการแสดงราคาทองรูปพรรณที่ขึ้นลงแบบวันต่อวันให้ลูกค้าทราบด้วยก็ได้ แต่หากท่านไม่อยากจะยุ่งยาก ก็ให้คิดคร่าวๆได้ว่าราคาทองรวมค่ากำเหน็จ* น้ำหนัก 0.6 กรัม อยู่ที่ 1,100 – 1,400 บาท , 1 กรัม อยู่ที่ 1,600 – 2,000 บาท, ครึ่งสลึง อยู่ที่ 2,700 – 3,500 บาท, 1 สลึง อยู่ที่ 5,000 – 6,300 บาท, 2 สลึง อยู่ที่ 9,500 – 12,000 บาท, 3 สลึง อยู่ที่ อยู่ที่ 14,000 – 17,500 บาท, 1 บาท อยู่ที่ 18,500 – 23,500 บาท, 6 สลึง อยู่ที่ 28,000 – 34,500 บาท, 2 บาท อยู่ที่ 36,500 – 45,500 บาท เป็นต้น โดยท่านจะเห็นว่าราคาทองรูปพรรณแต่ละน้ำหนักนั้นแบ่งเป็นช่วงราคาที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แบบนี้ท่านก็สามารถพิจารณาได้ว่าท่านมี่กำลังซื้ออยู่ในช่วงใด แล้วก็อาจเตรียมเงินจำนวนนั้นๆเอาไว้ก่อนเลย แล้วเมื่อถึงเวลาใกล้ที่จะซื้อจริงๆก็ค่อยสอบถามราคาวันนั้นจากที่ร้านอีกครั้งหนึ่งก็ได้

* หมายเหตุ : ราคานี้คิดที่ราคาทองบาทละ 18,000 – 22,000 บาท + ค่ากำเหน็จขึ้นอยู่กับแต่ร้าน แต่โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ที่ 500 – 1,500 บาท ขึ้นกับลายและน้ำหนักของทองด้วย

3. เช็คประเภททองรูปพรรณกับน้ำหนักที่ต้องการจะซื้อ ว่าไปด้วยกันได้ดีหรือไม่

ถึงตอนนี้ท่านอาจต้องพิจารณาเพิ่มว่าทองรูปพรรณประเภทที่ท่านเลือกจะซื้อนั้นสอดคล้องกับน้ำหนักทองที่ท่านสามารถจ่ายไหวหรือไม่ เพราะทองรูปพรรณบางประเภทหากน้ำหนักน้อยหรือมากเกินไป อาจไม่เหมาะสมต่อการสวมใส่ของท่านอีกต่อไป เช่น สร้อยคอหรือสร้อยข้อมือที่น้ำหนักน้อย เช่นครึ่งสลึง จะถูกผลิตออกมาในลักษณะที่บางมาก หากท่านนำไปสวมใส่ตลอดเวลาอาจจะทำให้สร้อยขาดง่ายกว่าน้ำหนักอื่น อาจจะเปลี่ยนเป็นซื้อแหวนครึ่งสลึงแทนน่าจะเหมาะสมกว่า หรือ ถ้าจะซื้อแหวนน้ำหนัก 2 บาท อาจจะหนักเกินกว่าที่ท่านจะสวมใส่ไว้ติดนิ้วตลอดเวลาได้ แบบนี้ก็อาจพิจารณาซื้อแหวนที่น้ำหนักน้อยลงมาก็ได้ค่ะ หรือ สร้อยคอหนัก 3 บาทเส้นโปร่งๆ ในช่วงเศรษฐกิจย่ำแย่ โจรชุกชุมแบบนี้ ก็อาจจะต้องเบรกเอาไว้ก่อนค่ะ

ข้อนี้เป็นเพียงข้อเสนอที่ทางร้านเพิ่มเข้ามาให้ท่านลองพิจารณาดูก่อนที่จะซื้อจริงๆเท่านั้นนะคะ แต่หากท่านมีเหตุผลรองรับในการที่จะซื้อทองประเภทนี้น้ำหนักเท่านี้เพียงพออยู่แล้วล่ะก็ ให้ข้ามข้อนี้ไปได้เลยค่ะ 🙂

4. เช็คทองทรงและลายสวยๆ ที่คิดว่าเหมาะสมกับผู้สวมใส่

ข้อนี้ท่านอาจจะไปลองเยี่ยมชมตามเว็บไซต์ต่างๆ หรือไปดูของจริงหน้าร้านเลยก็ได้ค่ะ แต่ถ้าอยากให้การซื้อครั้งนี้ถูกใจผู้สวมใส่สุดๆ ก็อาจหาข้อมูลทรงของทองและลายทองลายต่างๆไปก่อน เพราะทองทรงและลายต่างๆ นอกจากจะมีลักษณะสวยงามต่างกันแล้ว ก็อาจมีความแข็งแรง ทนทาน วิธีการดูแลรักษา และความเหมาะสมในการใช้งานแตกต่างกันออกไปอีกด้วยค่ะ โดยท่านอาจเริ่มหาข้อมูลจากลายทองที่ขายดีจากบทความในเว็บไซต์ของเราก็มีบริการให้ค่ะ แต่อย่างไรก็ตามหากท่านไม่มีข้อมูลข้อนี้ เหล่าพนักงานสวยๆหล่อๆในร้านทองต่างๆก็พร้อมที่จะช่วยแนะนำข้อมูลเหล่านี้ให้ท่านอยู่แล้วค่ะ

5. เช็คไซซ์ที่พอดีกับผู้สวมใส่

ผู้ซื้อทองบางท่าน อาจตื่นเต้นกับการซื้อทองจนลืมข้อสำคัญข้อนี้ไปนะคะ สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงให้มากก็คือไซซ์ที่พอดี ไม่ใช่แค่แหวนนะคะ รวมถึงสร้อยข้อมือ สร้อยคอ ก็เช่นกัน ท่านจะต้องเลือกความยาวที่พอดีด้วยนะคะ ซึ่งโดยปกติแล้วท่านสามารถกะความยาวที่พอดีได้จากการลองสวมใส่ที่ร้านได้เลยค่ะ แต่ถ้าผู้สวมใส่เป็นคนตัวเล็กกับคนตัวใหญ่ก็ต่างกัน คงจะต้องพิจารณาดูให้ดีอีกทีนะคะ ส่วนถ้าเป็นแหวน หากท่านซื้อเพื่อเซอร์ไพร์ซคนที่ท่านรัก อาจจะต้องทำการบ้านมาก่อนสักหน่อยนะคะ จะแอบหลอกถามแบบเนียนๆ หรือให้คนใกล้ตัวช่วยถามให้ก็ได้ค่ะ  มิฉะนั้นถ้าได้ทองไซซ์ที่ไม่พอดี เวลาที่สวมใส่ก็คงจะรู้สึกไม่โอเค อาจจะต้องมาเปลี่ยนกันให้วุ่นวายในภายหลัง แบบนี้ก็จะเสียเงินไปเปล่าๆค่ะ

6. เช็คราคาทองแล้วเลือกซื้อจากร้านทองที่ให้ราคาถูกและเชื่อถือได้

ข้อนี้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญอีกอย่างนะคะ ราคาทองขึ้นลงแต่ละวันไม่เท่ากัน หากท่านไม่รีบที่จะต้องซื้อทองในทันที ท่านอาจจะใช้เวลาเช็คข่าวราคาทองว่าเป็นช่วงขาขึ้นขาลงหรือราคาทรงๆ รอดูราคาทองอีกสักเล็กน้อยก่อนตัดสินใจซื้อก็ดีนะคะ เพราะท่านคงได้ยินบ่อยๆกรณีที่ซื้อทองปุ๊ปทองลงปั๊ป แบบนั้นเสียดายแย่เลยนะคะ

เอาล่ะ เลือกช่วงนี้แหละ ทองลงแล้ว แต่เอ๊ะ! ร้านทองแถวบ้านเราก็มีมากมายตั้งเรียงรายอยู่ 2 ฝั่งถนน แล้วเราจะเลือกเข้าร้านไหนดี ต้องขอบอกว่าราคาทองแต่ละชิ้นแต่ละลายก็ต่างกัน ราคาค่ากำเหน็จแต่ละร้านก็อาจต่างกันอีก ในส่วนนี้ท่านอาจจะเดินเข้าไปสอบถามลายทองที่ท่านต้องการว่ามีหรือไม่ พร้อมเช็คราคาจากพนักงานแต่ละร้านได้เลยค่ะ หากได้สินค้าและราคาที่พึงพอใจแล้ว ก็อย่าลืมถามด้วยนะคะว่ามีใบรับประกันให้ด้วยหรือไม่ เพราะใบรับประกันนี้เองค่ะที่จะใช้แสดงความน่่าเชื่อถือของทองชิ้นที่ท่านซื้อมา โดยทั่วไปใบรับประกันต้องแสดงราคาและน้ำหนักทองชิ้นที่ท่านซื้อ รวมถึงเปอร์เซ็นต์และน้ำหนักที่ชั่งได้ในวันที่ซื้อด้วย เพราะท่านก็จะทราบได้ว่าทองที่ซื้อเป็นทองเปอร์เซ็นต์เต็ม น้ำหนักเต็มตามมาตรฐานจริงๆ เวลาที่ท่านประสบปัญหาคับขันอาจต้องขายฝาก(จำนำ) หรือขายทองชิ้นนี้ ก็จะได้มีใบรับประกันแสดงแก่ร้านที่ท่านจะไปขายฝาก(จำนำ)หรือขาย เพื่อให้ท่านมีสิทธิ์ที่จะได้รับราคาขายฝาก(จำนำ)หรือราคารับซื้อที่ดีนั่นเองค่ะ ยิ่งบางร้านมีโปรโมชั่นให้ราคาขายฝาก(จำนำ)และราคาขายที่สูงขึ้นแก่ผู้มีใบรับประกันที่ออกโดยร้านนั้นก็ยิ่งดีเลยค่ะ แบบนี้ก็ง่ายๆเลยค่ะ ซื้อจากร้านไหน ก็ขายให้ร้านนั้นโลดเลยค่า

 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ไม่ยากเลยใช่ไหมคะกับการซื้อทองรูปพรรณสักชิ้นให้ตัวเองหรือคนที่คุณรัก ลองทำตามขั้นตอนที่เรานำเสนอไป แล้วค่อยๆพิจารณาดูก่อนเลือกซื้อนะคะ รับรองว่าท่านจะได้ทองที่สวย ถูกใจ ถูกราคา กลับมาเชยชมได้แน่อนค่ะ

ท่านสามารถเลือกชมสินค้า และเช็คราคาทองแบบวันต่อวัน ได้ที่อัลบั้มสินค้าของเราได้เลยค่ะ

*ลิขสิทธิ์ บทความโดย บริษัท ห้างทองพรทวี จำกัด ไม่อนุญาตให้ทำซ้ำ คัดลอก เปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขส่วนหนึ่งส่วนใดของเนื้อหา